Content | Green Crack
ประสิทธิภาพ
- ผ่อนคลาย (Relaxed )
- มีความสุข ( Happy )
ด้านการแพทย์
ผลข้างเคียง
- ตาแดง (Dry Eyes)
- ปากแห้ง (Dry Mouth)
คุณลักษณะต่างๆ
- สายพันธุ์: SATIVA
- THC : 24 %
- CBD : 0 %
- ความสูง: 80 - 110เซนติเมตร
- รสชาติ/กลิ่น : citus / mango / earth / woody
Green Crack เดิมและสายพันธุ์นี้เรียกว่า "Cush" สายพันธุ์นี้ได้รับการขนานนามว่า "Green Crack" โดยคนที่ตั้งชื่อจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าพ่อกัญชาอย่าง Snoop Dogg แม้ต้นกำเนิดของ Green Crack นั้นขัดแย้งกันแต่เดิมได้รับการอบรมในเอเธนส์ จอร์เจีย ในปี 1970 มันสืบเชื้อสายมาจาก Skunk #1 ที่ได้รับความนิยม แต่อาจมีอินดิกาของดินแดนอัฟกานีผสมอยู่ด้วย แม้ว่าชื่อจะดูจืดชืดแต่ Green Crack มีเอฟเฟคที่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อใช้มันจะทำให้เกิดอาการกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติของ sativa แต่ Green Crack มีโครงสร้างตาแบบ indica โดยมีลักษณะดอกที่หนาแน่นซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและกระจุกกันเป็นก้อน ใบมีสีเขียวซีดถึงเหลือง แม้ว่าเม็ดสีในบางฟีโนไทป์อาจทำให้ใบบางใบมีสีม่วงเป็นลายเมื่อใบสัมผัสกับความหนาวเย็นในระหว่างการปลูก เกสรตัวเมียสีสนิมโดดเด่นกว่าดอกไม้หลากสี ดอกตูมยังเคลือบด้วยสีขาวนวล ทำให้มีเนื้อเหนียวและมีลักษณะเป็นประกายดึงดูดสายตา ดอกจะมีกลิ่นหอมของซิตรัสพร้อมแฝงความกลมกล่อมของความเป็นดินและเนื้อไม้ เมื่อดูเข้าไปควันจะนุ่มมากและทิ้งกลิ่นรสที่ด้านบนของเพดานปากและหลังลิ้น ชวนให้นึกถึงกลิ่นมะม่วงเมื่อหายใจออก | Blue Dream
ประสิทธิภาพ
- ผ่อนคลาย (Relaxed )
- ง่วงนอน ( Sleepy )
- หิว ( Hungry )
ด้านการแพทย์
ผลข้างเคียง
- วิตกกังวล ( Panic )
- หวาดระแวง ( Paranoid )
- ตาแดง (Dry Eyes)
- ปากแห้ง (Dry Mouth)
คุณลักษณะต่างๆ
- สายพันธุ์: 60% SATIVA – 40% INDICA
- THC : 30 %
- CBD : 0 %
- ความสูง: 90 - 120 เซนติเมตร
- รสชาติ/กลิ่น :Blueberry / Citus / Herb
Blue Dream เป็นการผสมผสานระหว่างสายพันธุ์คลาสสิกที่เป็นที่นิยมอย่าง Blueberry และ Haze Blue Dream (หรือที่รู้จักในชื่อ Azure Haze) เป็นสายพันธุ์ที่มีความเป็น sativa สูง กัญชาสายพันธุ์ Blue Dream เกิดขึ้นในซานตาครูส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปัจจุบันกัญชาสายพันธุ์นี้ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่ม Stoner Blue Dream มีปริมาณ THC ที่ค่อนข้างสูงซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำสุดคือ 17% และสูงสุดถึง 24% ระดับ CBD และ CBN สูงถึง 2% นอกจากจะนิยมในกลุ่ม Stoner แล้วกัญชาสายพันธุ์ Blue Dream ยังนิยมในวงการแพทย์เพราะด้วยสาร CBD ที่ค่อนสูงในวงการการแพทย์จึงนิยมนำมาใช้บำบัดหรือรักษาโรค เช่น โรคเครียด อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รสชาติของมันมีความกลมกล่อมของบลูเบอร์รี่ด้วยรสชาติที่ละมุนลิ้นทำให้เป็นกัญชาสายพันธุ์ท๊อปๆของชาว Stoner เลยก็ว่าได้รสชาติที่เข้มข้นของมันทำให้มีรสสัมผัสที่ติดลิ้นสุดๆ สีของดอกมีเฉดสีน้ำเงินเข้มปนสีเหลืองและสีน้ำเงิน เมื่อใช้ในเชิงสันทนาการณ์จะทำให้ รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษและรู้สึกสงบ แต่ก็มีผลข้างเคียงมากมายชาว Stoner คนไหนที่มีภาวะวิตกกังวลไม่แนะนำให้ใช้สายพันธุ์นี้เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะทำให้รู้สึกวิตกกังวนมากกว่าเดิม แต่อย่างไรก็ตามกัญชาสายพันธุ์นี้ก็มีองค์ประกอบที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ซึมเศร้า และขาดความอยากอาหาร เนื่องจากมีสาร CBD ที่จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกกระปี้กระเปร่า
ระยะเวลาออกดอกของ Blue Dream ใช้เวลาประมาณ 10 สัปดาห์สำหรับการปลูกแบบ Indoor และช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมสำหรับการปลูกแบบ Out Door ให้ผลผลิตต่อต้นมากสุดถึง 21 ออนซ์ และสามารถเติบโตได้สูงถึงห้าฟุต | OG Kush
ประสิทธิภาพ
- ผ่อนคลาย (Relaxed )
- มีความสุข ( Happy )
- ร่างเริง ( Euphoric )
ด้านการแพทย์
- เบื่ออาหาร (Anorexia)
- ความเครียด (Stress)
ผลข้างเคียง
- ตาแดง (Dry Eyes)
- ปากแห้ง (Dry Mouth)
คุณลักษณะต่างๆ
- สายพันธุ์: SATIVA
- THC : 26 %
- CBD : 0 %
- ความสูง: 90 - 120 เซนติเมตร
- รสชาติ/กลิ่น : spicy / lemon / woody
OG Kush หรือเรียกอีกชื่อว่า "Premium OG Kush" ถูฏค้นพบการปลูกครั้งแรกในฟลอริดาเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว เชื้อสายทางพันธุกรรมดั้งเดิมนั้นไม่เป็นที่รู้จัก 100% แต่นักวิจัยเชื่อว่าเป็นการผสมของสายพันธุ์ เคมดอว์, ฮินดูกูช และเลมอนไทยถูกผสมกับสายพันธุ์แคลิฟอร์เนียตอนเหนือ กัญชาสายพันธุ์
OG Kush เป็นสายพันธุ์ที่มีคนรู้จักเป็นจำนวนและใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดเมื่อพูดถึงกัญชาและในทางการแพทย์ ด้วยองค์ประกอบที่มีความเป็น 55% Sativa, 45% Indica ระดับ THC ปานกลางถึงสูง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะได้รับความนิยมทั่วโลก
สายพันธุ์นี้เป็นที่มาของคำว่า “OG” ที่นำไปใช้ในชื่อกัญชาสายพันธุ์อื่นๆ บางคนเชื่อว่าคำว่า "OG" เป็นการแสดงความเคารพต่อ "Original Gangster" ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เก่ากว่า ลำต้นมีลักษณะแข็งและเป็นยาง ดอกมีลักษณะที่ตูมและหนา มีสีเขียวเข้ม และมีรูปร่างเหมือนองุ่น เกสรตัวเมียมีสีส้มสดใส บางและยาว ดอกของมันเป็นเหมือนทองคำขาวที่มีความเป็นประกายเหมือนถูกเคลือบด้วยเรซินแวววาว
OG Kush จะใช้เวลาออกดอกประมาณ 8 ถึง 9 สัปดาห์ เติบต่อได้ดีในกลางแจ้ง
กลิ่นหลักๆใน OG Kush คือ Beta-Myrcene และ Beta-Caryophyllene ซึ่งทำให้สายพันธุ์นี้มีรสเผ็ดร้อน กลิ่นรสเปรี้ยวของผลไม้รสเปรี้ยวและกลิ่นวู๊ดดี้เมื่อหายใจออก มีกลิ่นอายของต้นสนและกลิ่นฉ
เติบโตค่อนข้างเร็ว อาการเมื่ใช้จะมีอาการดังนี้ อยากพูดคุย หิวโหย และหัวเราะคิกคัก คุณจะอยากเคี้ยวอาหารอยู่ตลอดเวลาและอยากมองหาใครซักคนที่จะคุยด้วย รู้สึกผ่อนคลายอย่างเต็มที่ตลอดเวลา
OG kush มักใช้ในวงการแพทย์เพื่อกระตุ้นความอยากอาหารและยังช่วยผ่อนคลายจากอารมณ์แปรปรวน ภาวะซึมเศร้า หรือทำให้อาการปวดหัวที่เหนื่อยล้าหายไป | Jatlato
ประสิทธิภาพ
- มีความสุข ( Happy )
- ความคิดสร้างสรรค์ ( Creative )
- ร่างเริง ( Euphoric )
ด้านการแพทย์
ผลข้างเคียง
- ตาแดง (Dry Eyes)
- ปากแห้ง (Dry Mouth)
คุณลักษณะต่างๆ
- สายพันธุ์: HYBRID
- THC : 26 %
- CBD : 0 %
- ความสูง: 90 - 120 เซนติเมตร
- รสชาติ/กลิ่น : herb / creamy / berry / spicy / disel
Jatlato เป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติดีและ THC ที่ทรงพลัง ที่มาของชื่อที่เรียกว่า “Jetlato” มันได้มาจากการผสมผสานระหว่างสายพันธุ์ Jet Fuel และ Hi-Octane รสชาติมีความ ครีมมี่ และ เบอรี่ ผสมรวมกันและมีระดับ THC ที่สูงมาก สายพันธุ์นี้เคยถูกส่งเข้าสู่การแข่งขัน Cannabis Cup ปี 2020 ในรัฐอิลลินอยส์ และมีเครื่องหมายของ OG ของแท้ทั้งหมด
สายพันธุ์ Jetlato มีเทอร์พีนที่ทำให้ส่งกลิ่นหรือรสชาติ Limonene, Caryophyllene และ Humulene ซึ่งทำให้สายพันธุ์นี้มีรสชาติและกลิ่นผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และยังมีกลิ่นที่มีความเป็นสมุนไพร ผลไม้ และเครื่องเทศต่างๆ ระยะเวลาการออกดอกจะอยู่ในช่วงประมาณ 9-10 สัปดาห์ ตัวดอกมีสีสันที่สดใส ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ดอกภายนอกเป็นสีเขียวเท่านั้น แต่ยังมีเฉดสีม่วงเข้มและอ่อนทั่วทั้งตัวของดอกลำต้นมีขนาดใหญ่ เมื่อมองใกล้ ๆ ตัวดอกจะมีสีเหลืองอำพันเล็กน้อยซึ่งถือว่าสวยงามมากเลยทีเดียว สายพันธุ์นี้เติบโตได้ดีทั้งการปลูกแบบ Indoor และ Out Door แต่ถ้าปลูกแบบ Out Door จะได้ผลผลิตที่น้อยกว่าการปลูกแบบ Indoor รสชาติของ Jatlato มีความเป็นสมุนไพรรสเผ็ดอันเนื่องมาจากเชื้อสายทางพันธุกรรที่หลากหลายจึ้งทำให้มีรสชาติที่หลากเกินความเข้าใจนอกจากจะมีรสเผ็ดของสมุนไพรยังออกแนวรสชาติของมิ้น ครีมมี่และเบอร์รี่อีกด้วย ระดับ THC โดยเฉลี่ยประมาณ 26% จึงอาจจะทำให้มีกลิ่นเขียวของกัญชามากกว่ากลิ่นแฝงอื่นๆ สำหรับผู้ใช้ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการทางความเครียดและช่วยให้มีความสุขมากขึ้น ทำให้เกิดพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ และทำให้คุณมีความสุขแบบสุดขีดเกินกว่าจะเก็บไว้คนเดียวเพราะมันจะทำให้คุณอยากออกไปพบปะเพื่อนฝูงเพื่อปลดปล่อยพลังแห่งความสุขออกมาให้หมด แต่ผลข้างเขียงงจากการกระปี้กระเป่ามากๆจะทำให้ตัวเองรู้สึกฟุ้งซ่าน , ซึมเศร้า, เหนื่อยล้า หรือเครียด ควรใช้มันในปริณมาณที่เหมาะสมเพื่อไม่ส่งพบกระทบต่อร่างกายเพราะกัญชาสายพันธุ์มีฤทธิ์ทำให้ดีดแบบขั้นสุดกันเลยก็ว่าได้ | Gorilla Glue
ประสิทธิภาพ
- ผ่อนคลาย (Relaxed )
- ง่วงนอน ( Sleepy )
ด้านการแพทย์
- ความกังวล (Anxiety)
- ความเครียด (Stress)
ผลข้างเคียง
- หวาดระแวง ( Paranoid )
- ตาแดง (Dry Eyes)
- ปากแห้ง (Dry Mouth)
คุณลักษณะต่างๆ
- สายพันธุ์: 40% SATIVA – 60% INDICA
- THC : 30 %
- CBD : 0 %
- ความสูง: 90 - 120 เซนติเมตร
- รสชาติ/กลิ่น : chocolate / earthy / herb / woody / Pungent
Gorilla Glue เป็นสายพันธุ์ลูกผสม ระหว่าง indica และ sativa และพัฒนาโดยสายพันธุ์ GG เนื่องจาก บริษัท กาว“ Gorilla Glue” ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อนี้จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น“ Original Glue” สายพันธุ์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยการรวมกันของสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Chem's Sister, Sour Dubb และ Chocolate Diesel ดอกมีละกษณะสีเขียวมะกอกเข้ม ด้วยความเข้มข้นของ THC ที่สูงมากกัญชาสายพันธุ์นี้จึงได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้น ๆ และ Gorilla Glue ไม่เพียง แต่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังได้รับรางวัลดอกกัญชา Hybid ที่ดีที่สุดในการแข่งขัน Cannabis World Cup ปี 2015 และอันดับที่สองสำหรับรางวัลดอกกัญชา Hybid ที่ดีที่สุดใน Colorado Cup 2016 ชาว Stoner ส่วนใหญ่บอกว่าหลังจากใช้ Golira Glue และรู้สึกมีความสุขและสดชื่นในทันที ลืมความเครียดจากการทำงานได้อย่างง่ายดาย มีเสียงหัวเราะคิกคัก มีอาการชาทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้บางทีความเจ็บปวดเรื้อรังหายไปแบบที่เราไม่อาจรู้ตัว เหมาะสำหรับคนที่กำลังมีปัญหานอนไม่หลับเครียดรุนแรงแต่ยังไงแล้วกัญชาสายพันธุ์ก็ยังมีผลข้างเช่น การทำให้ปากแห้งหรือหิวน้ำเป็นพิเศษ ผู้ที่มีความรู้สึกอ่อนไหวง่ายหรือเป็นโรควิตกกังวลไม่ควรใช้มันในเชิงสันทนาการ เพราะจะทำให้เกิดอาการหวาดระแวง เวียนหัว มาขึ้นกว่าเดิม | White Widow
ประสิทธิภาพ
- มีความสุข ( Happy )
- ความคิดสร้างสรรค์ ( Creative )
- ร่างเริง ( Euphoric )
ด้านการแพทย์
ผลข้างเคียง
- ตาแดง (Dry Eyes)
- ปากแห้ง (Dry Mouth)
คุณลักษณะต่างๆ
- สายพันธุ์: 70% SATIVA – 30% INDICA
- THC : 20 %
- CBD : 0 %
- ความสูง: 80 - 140 เซนติเมตร
- รสชาติ/กลิ่น :Herb /Floral / Citus
White Widow เป็นกัญชาสายพันธุ์ลูกผสมที่เด่นทางด้านสายพันธุ์ sativa เป็นหลัก กัญชาสายพันธุ์นี้ถูกคิดค้นโดยทหารผ่านศึกชาวดัตช์ Green House Seeds ในปี 1990 โดยเป็นลูกผสมระหว่าง indica ของบราซิลและ sativa ของอินเดียใต้ ในขณะนั้นตลาดกัญชาใต้ดินส่วนใหญ่ประกอบด้วยสายพันธุ์ Hybid เช่น Northern Lights และ Haze แต่ White Widow ได้เข้าร่วมกลุ่มของสายพันธุ์ในตำนานเหล่านี้ โดยได้รับรางวัล High Times Cannabis Cup ในช่วงต้นปี 1995 และได้รับรางวัลมากมายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา White Widow ได้รับการการวิจัยเป็นพิเศษและมีคุณค่าอย่างยิ่งในวงการปลูกกัญชา
สายพันธุ์นี้มีสาร THC เฉลี่ย 20% ดอกของ White Widow มีลักษณะเป็นก้อนมีรูปทรงเป็นกรวยและเรียว มีความเป็สายพันธุ์ sativa มากกว่า indica โดยมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและกลวงซึ่งสามารถแตกออกได้ค่อนข้างง่ายแม้จะมีความเหนียวของยาง ใบมีสีเขียวในฤดูใบไม้ผลิมีเกสรตัวเมียที่มองเห็นได้เล็กน้อยเมื่อโตเต็มที่ ดอกจะถูกปกคลุมไปด้วยใบทั้งหมด ทำให้มีลักษณะเป็นสีขาวเทาซึ่งทำให้ชื่อน่าจดจำและเป็นที่มาของชื่อ White Widow หรือแปลเป็นภาาาไทยก็คือ “แม่ม่ายขาว” นั่นเอง นกลุ่ม Stoner จะรู้กันดีว่ากัญชาสายพันธุ์ White Widow มีกลิ่นฉุนคล้ายแอมโมเนียและมีกลิ่นคล้ายไม้สนเอิร์ธโทน เมื่อเริ่มแตกหน่อจะมีกลิ่นฉุนคล้ายกำยานมากขึ้น มีรสชาติคล้ายดิชาว Stoner ที่คุ้นเคยกับผลไม้หรือกัญชาแบบ Hybid อาจผิดหวังกับรสชาติของ White Widow เพราะมันมีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนเป็นพิเศษเมื่อถูกเผาไหม้ |
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์